ดูแลใจคนทำงาน สร้างองค์กรปลอด Toxic

ต้นแบบองค์กรสุขภาวะด้านสุขภาพจิต บริษัท เบญจมิตรบรรจุภัณฑ์ จำกัด ปลดล็อกพลังลบ สร้างวัฒนธรรมเชิงบวก

ส่งเสริมสุขภาพจิตพนักงานผ่านการดูแลแบบองค์รวม ทั้งการเยี่ยมไข้ การดูแลครอบครัว และการจัดกิจกรรม “กลับบ้านไปกอดกัน” เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ครอบครัวที่ห่างไกล พร้อมสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เอื้อความเข้าใจระหว่างคนต่างวัฒนธรรม ลดความขัดแย้งและเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร ส่งผลให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและมีความผูกพัน

ภาพประกอบ

ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะและพลาสติกชั้นนำที่มีพนักงานกว่า 600 คน หลากหลายเชื้อชาติทั้งชาวเมียนมาและชาวไทย บริษัท เบญจมิตรบรรจุภัณฑ์ จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและปราศจาก Toxic หรือพฤติกรรมเชิงลบที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจพนักงาน ทั้งปัญหาด้านสุขภาพที่ตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี ไปจนถึงปัจจัยทางจิตวิทยาที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียด ขาดความสุขในการทำงาน และประสิทธิภาพที่ลดลง เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน จึงมุ่งมั่นที่จะเป็น "บ้านมั่นคง คนแข็งแรง แหล่งความสุข" โดยได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมสุขภาวะด้านสุขภาพจิตอย่างจริงจัง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานมีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น แต่ยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อความเข้าใจและการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขอีกด้วย

กระบวนการดำเนินงานองค์กรต้นแบบด้านสุขภาพจิต

1. การกำหนดนโยบายสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร มีนโยบายส่งเสริมสุขภาวะแบบองค์รวม โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตใจอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรมเชิงสัมพันธ์ เช่น การเยี่ยมไข้พนักงานและครอบครัว การจัดกิจกรรม “กลับบ้านไปกอดกัน” ที่พาพนักงานกลับเยี่ยมบ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุขภาพใจถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของนโยบายองค์กร เพื่อเสริมสร้างความผูกพัน ความอบอุ่น และความเป็นมนุษย์ในที่ทำงาน

2. คณะทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร ทีมงานส่งเสริมสุขภาวะถูกคัดเลือกแบบ “สมัครใจ” ซึ่งสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและจิตสำนึกในบทบาท โดยทีมงานมีหน้าที่ดูแลทั้งด้านกาย ใจ สังคม และการเงิน ซึ่งในด้านจิตใจนั้น ทีมจะรับฟังปัญหา ออกแบบกิจกรรมเพื่อคลายความเครียด และดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานอย่างใกล้ชิด เช่น การสนับสนุนเมื่อต้องเผชิญปัญหาครอบครัวหรือความสูญเสีย

3. งบประมาณสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร ผู้บริหารให้การสนับสนุนงบประมาณกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตใจ เช่น การจัดกิจกรรมเยี่ยมบ้าน เยี่ยมผู้ป่วย และสร้างพื้นที่ทางจิตใจให้กับพนักงาน องค์กรเห็นว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปในกิจกรรมด้านจิตใจให้ผลตอบแทนในระยะยาว เช่น ความจงรักภักดี และอายุงานเฉลี่ยที่สูงขึ้น

4. กำหนดเป้าหมายของการประเมินผลที่ชัดเจน

  • มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างสุขภาวะองค์รวม โดยเฉพาะในด้านจิตใจ ผ่านการส่งเสริม “ความพึงพอใจในการทำงาน” และ “ความผูกพันต่อองค์กร” ซึ่งสะท้อนในแบบประเมินที่ออกแบบขึ้นเอง เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพนักงานอย่างแท้จริง ทั้งต่อเนื้องาน หัวหน้างาน และความสมดุลในชีวิต ซึ่งเป็นฐานสำคัญของสุขภาวะทางใจในสถานที่ทำงาน
  • มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน วัดผลได้ ตั้งเป้าหมาย “ความพึงพอใจ” ในระดับไม่ต่ำกว่า 70% โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับความรู้สึกปลอดภัย ความไว้วางใจในผู้บริหาร และความสมดุลชีวิต ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้สุขภาวะจิตที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีการติดตามความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมที่แสดงถึงภาวะจิตใจ เช่น การเข้าสังคมมากขึ้นหรือมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมกลุ่ม

5. แผนการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร

  • มีแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมตามเป้าหมาย ออกแบบกิจกรรมตามกลุ่มปัญหาทางใจ เช่น การส่งเสริมให้พนักงานแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดีๆ ในชีวิตประจำวัน การสนับสนุนให้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย และการจัดกิจกรรม Happy Money เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจและคลายความกังวลเรื่องการเงิน ซึ่งส่งผลต่อความเครียดโดยตรง
  • วางแผนแบบมีข้อมูลเป็นฐาน โดยนำผลการประเมินความพึงพอใจ และข้อมูลสุขภาพใจ เช่น ความเครียดหรือความวิตกกังวลจากพนักงาน มาเป็นแนวทางออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การอบรมเรื่องการจัดการอารมณ์ หรือจัดกิจกรรมสันทนาการผ่อนคลายความเครียด

6. มีกระบวนการ ผลลัพธ์ และแนวทางการดำเนินงานที่ดี

  • การดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพจิตใจอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรม CSR ที่สร้างความภาคภูมิใจและความสุขใจแก่พนักงาน การดูแลครอบครัวพนักงานในยามป่วยไข้ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน ทำให้เกิดผลลัพธ์ชัดเจน เช่น พนักงานมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร มีความผูกพัน และลาออกน้อยมาก
  • ใช้แนวทางแบบองค์รวม โดยบูรณาการกิจกรรมด้านจิตใจเข้าไปในทุกกิจกรรมหลัก เช่น กีฬา CSR เยี่ยมบ้าน มีระบบติดตามผลทั้งแบบพูดคุย สังเกตพฤติกรรม และประเมินความพึงพอใจ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับปรุงกิจกรรมให้ตอบโจทย์สุขภาพจิตพนักงานได้อย่างตรงจุดและต่อเนื่อง
  • มีกระบวนการติดตาม มีเครื่องมือ หรือระบบสนับสนุนการประเมินผล แม้จะไม่มีเครื่องมือไฮเทค องค์กรใช้วิธีสังเกตพฤติกรรมทางใจ และพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ เพื่อให้พนักงานรู้สึกไม่ถูกกดดัน
  • ใช้เรื่องเล่าแรงบันดาลใจ (Success Stories) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางใจ เช่น ความรู้สึกภูมิใจที่ดูแลสุขภาพได้ หรือความสุขจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในมิติจิตใจได้ชัดเจน

7. วิเคราะห์ผลการประเมินและนำไปใช้ต่อยอดเพื่อการพัฒนา ผลการประเมินด้านจิตใจถูกนำไปต่อยอด เช่น การปรับปรุงกิจกรรมให้เหมาะกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาจมีภาวะโดดเดี่ยวหรือกดดัน การดูแลรายบุคคลในช่วงวิกฤตชีวิต เช่น การเยี่ยมบ้านหรือการให้เวลาพักผ่อนที่เหมาะสม และการใช้ข้อมูลความพึงพอใจเพื่อพัฒนาแนวทางดูแลจิตใจในระยะยาวอย่างเป็นระบบมากขึ้น

กิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะด้านสุขภาพจิต

ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม โดยมุ่งเน้นที่การดูแลสุขภาพจิตของพนักงานเป็นพิเศษ ประกอบด้วย

  • กิจกรรมสร้างความผูกพันและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ "กลับบ้านไปกอดกัน" จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนพนักงานที่ทำงานห่างไกลครอบครัวให้ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน โดยบริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางบางส่วน เพื่อให้พนักงานได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยลดความเครียดและเติมเต็มความรู้สึกเชิงบวก
  • การสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อความเข้าใจ ด้วยพนักงานกว่า 60% เป็นชาวเมียนมา บริษัทได้จัดกิจกรรมรวมที่ส่งเสริมความสามัคคี เช่น การจัดงานวันสงกรานต์ การสอนภาษาไทย และกิจกรรมกีฬาที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ เพื่อทำลายกำแพงทางวัฒนธรรมและภาษา ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีและความเข้าใจกันมากขึ้นระหว่างพนักงานคนไทยและพนักงานต่างชาติ

กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นๆ

  • โครงการส่งเสริมสุขภาพกาย ใช้ผลการตรวจสุขภาพประจำปีมาวางแผนกิจกรรม เช่น การแข่งขันลดน้ำหนักและการกินอาหารคลีน เพื่อกระตุ้นให้พนักงานดูแลสุขภาพ
  • โครงการ "น้องหรี่จ๊า...พี่ลาก่อน" โครงการรณรงค์การเลิกเหล้าและบุหรี่ ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่สูบบุหรี่อย่างชัดเจน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพของทุกคน
  • การขยายผลสู่ชุมชน มีการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในการปลูกสมุนไพร การสร้างลานสนามเด็กเล่นในชุมชน และการเยี่ยมไข้พนักงานและครอบครัวที่เจ็บป่วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและเชื่อมโยงองค์กรกับชุมชน

ผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

มิติด้านสุขภาพจิต

  • ความสุขและความผูกพัน พนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากขึ้น มีความสุขในการทำงานและมีความผูกพันกับเพื่อนร่วมงานและผู้บริหาร
  • การลดความขัดแย้ง การจัดกิจกรรมที่เน้นการทำความเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมช่วยลดความขัดแย้งในการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

มิติด้านสุขภาพกาย

  • น้ำหนักลดลง ผู้จัดการฝ่ายขายที่มีภาวะอ้วนรุนแรงสามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างเห็นได้ชัดจากกิจกรรมในโครงการ
  • สุขภาพโดยรวมดีขึ้น พนักงานกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพจากการตรวจร่างกายประจำปีสามารถฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้นได้

มิติด้านสังคมและองค์กร

  • ความร่วมมือที่แข็งแกร่ง การสร้างทีมทำงานแบบสมัครใจจากทุกแผนกทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าของ
  • ภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากสังคมในฐานะสถานประกอบการปลอดบุหรี่และเป็นองค์กรที่ใส่ใจต่อสุขภาวะของพนักงานอย่างแท้จริง

ปัจจัยความสำเร็จ

  • ด้านการบริหารจัดการทีมงาน มีกลไกการสร้างทีมงานแบบสมัครใจที่ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความมุ่งมั่นระยะยาว การแบ่งความรับผิดชอบระหว่างทีม ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและไม่ซ้ำซ้อน
  • ด้านการใช้ข้อมูลในการวางแผน มีระบบการนำข้อมูลจากการตรวจสุขภาพประจำปีมาวิเคราะห์และจัดกลุ่มพนักงานตามปัจจัยเสี่ยงอย่างเป็นระบบ สามารถออกแบบกิจกรรมเฉพาะกลุ่มได้อย่างตรงจุด
  • ด้านความยืดหยุ่นในการปรับตัว ปรับวิธีการในการดำเนินงานให้เหมาะกับข้อจำกัดของพนักงาน เช่น การจัดกิจกรรมในเวลาที่หลากหลายเพื่อรองรับพนักงานที่ทำงาน 24 ชั่วโมง
  • ด้านการบูรณาการแบบองค์รวม ดำเนินกิจกรรมครอบคลุมทั้ง 4 มิติ (กาย ใจ สังคม การเงิน) ในระบบเดียวกัน การเชื่อมโยงการส่งเสริมสุขภาพกับ CSR และการดูแลครอบครัวพนักงานทำให้เกิดผลกระทบแบบองค์รวม
  • การพัฒนาเครื่องมือประเมินภายในที่เหมาะสมกับบริบท สามารถสร้างแบบประเมินความพึงพอใจของตนเองที่ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ได้แก่ การทำงานและหน้าที่ สภาพแวดล้อมการทำงาน ความคิดเห็นต่อหัวหน้างาน โอกาสความก้าวหน้า และการรักษาสมดุลชีวิต ทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการและสภาพจริงมากกว่าการใช้เครื่องมือสำเร็จรูป
  • การนำผลประเมินมาใช้เป็น KPI อย่างจริงจัง การกำหนดเป้าหมายความพึงพอใจไว้ที่ 70% และติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถบรรลุผลได้ 80% ขึ้นไป แสดงถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบต่อการพัฒนาองค์กร
  • การบูรณาการการประเมินเข้ากับการดำเนินงานประจำ การประเมินผนวกเข้ากับการอบรม การประชุม และการสังเกตพฤติกรรมประจำวัน ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นธรรมชาติและไม่สร้างภาระเพิ่มเติม
  • ความสามารถในการประเมินเชิงคุณภาพผ่านกรณีศึกษา มีการบันทึกและติดตามเรื่องราวความสำเร็จของพนักงานรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเป็นองค์กรสุขภาวะด้านสุขภาพจิต หัวใจสำคัญคือกระบวนการที่เริ่มต้นจากการรับฟังปัญหาอย่างแท้จริง การสร้างทีมทำงานที่มาจากความสมัครใจ และการใช้ข้อมูลเชิงสุขภาพในการออกแบบกิจกรรมที่ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลแบบองค์รวมที่ครอบคลุมไปถึงความผูกพันของพนักงานกับครอบครัว ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน แต่ยังรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับองค์กรด้วย

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ


ผู้เขียน :


ประเด็นสุขภาวะ → เพิ่มสัดส่วนผู้มีสุขภาพจิตสมบูรณ์

ประเด็น Happy 8 → Happy BodyHappy HeartHappy RelaxHappy BrainHappy SoulHappy FamilyHappy MoneyHappy Society

เครื่องมือสร้างองค์กรสุขภาวะ

1

สร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจ องค์กรสุขภาวะ (Happy Workplace)

สร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจ องค์กรสุขภาวะ (Happy Workplace)

ReadHappy Workplace คืออะไร

2

ตั้งคณะทำงาน และพัฒนาทีมงาน (นักสร้างสุของค์กร)

ตั้งคณะทำงาน และพัฒนาทีมงาน (นักสร้างสุของค์กร)

DownloadTemplate ตั้งคณะทำงาน

3

สำรวจและวิเคราะห์ปัญหาในองค์กร

สำรวจและวิเคราะห์ปัญหาในองค์กร

Toolทำแบบประเมินคุณลักษณะองค์กรสุขภาวะ

5

ออกแบบ ดำเนินกิจกรรม และสื่อสารเพื่อสร้างแรงจูงใจ

ออกแบบ ดำเนินกิจกรรม และสื่อสารเพื่อสร้างแรงจูงใจ

Toolเครื่องมือออกแบบโครงการ
DownloadTemplate แผนกิจกรรม
DownloadTemplate รายงานผลกิจกรรม

7

ทบทวนและพัฒนากิจกรรมที่ดำเนินงาน

ทบทวนและพัฒนากิจกรรมที่ดำเนินงาน

8

ส่งเสริมความยั่งยืนในการเกิดวัฒนธรรมสร้างสุขขององค์กร

ส่งเสริมความยั่งยืนในการเกิดวัฒนธรรมสร้างสุขขององค์กร