1. จัดเวลามา Brain Gym ด้วยกัน

มีตารางมาฝึกบริหารสมอง Brain Gym ร่วมกันเป็นประจำเพื่อชะลอการเสื่อมของสมอง

• 26 ท่า พัฒนาสมอง ด้วย Brain Gym (ทำลิงค์)

2. ฝึกสมาธิลดความเครียด

การลดความเครียดและภาวะกดดันในที่ทำงานจะทำให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การฝึกสมาธิช่วยลดความเครียด ลดความว้าวุ่นใจ การมีสติทำให้สามารถจดจ่อกับงานได้ดีขึ้น แม้แต่องค์กรระดับโลกอย่าง Apple, Google หรือ Nike ก็จัดช่วงเวลาพักทำสมาธิให้กับพนักงาน

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าการฝึกทำสมาธิเพียงวันละ 10-30 นาที ติดต่อกัน 2 เดือนจะทำให้สมอง Bright ไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจเข้มแข็ง ความจำดี โดยเฉพาะในยุคที่มีข่าวสารมากมายและเปลี่ยนแปลงเร็วตลอดเวลา ทำให้สมองทำงานโดยคิดอย่างไม่สิ้นสุด ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม อดทนน้อยหงุดหงิดง่าย หากฝึกทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน ทำให้สามารถรับมือกับสิ่งที่มากระทบได้ดีขึ้น เนื่องจากการฝึกทำสมาธิเป็นประจำช่วยเพิ่มระดับของสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ในสมอง ยับยั้งการทำงานของสมองส่วนกลางที่ทำหน้าที่สร้างอารมณ์ด้านลบ และขณะที่ทำสมาธิจะช่วยระบบไหลเวียนเลือดและการเผาผลาญอาหาร ทำให้กระฉับกระเฉง ไม่เหนื่อยง่าย อารมณ์แจ่มใส และสมองทำงานได้ดี

3. มีช่วงเวลาพักสมอง

การทำงานติดต่อกันนานเกินไปส่งผลต่อการทำงานของสมอง สมองสามารถทำงานต่อเนื่องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลา 90-120 นาที ดังนั้นการให้สมองได้พักจะช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น องค์กรไม่ควรกดดันให้พนักงานทำงานต่อเนื่องโดยไม่พักเลย ควรจัดเวลาประมาณ 10 นาที ให้พนักงานได้พักเป็นช่วง ๆ จะช่วยลดระดับความเครียด ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนที่เรียกว่า Cortisol ความเครียดมากอย่างต่อเนื่อง Cortisol ก็จะหลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายกับสมองได้ หากร่างกายหลั่งสาร Cortisol ออกมาในปริมาณที่มากเกินไปจะไปยับยั้งสมองส่วน Hippocampus ซึ่งเป็นสมองส่วนที่มีหน้าที่จัดเก็บความจำไม่ให้สร้างเซลล์ประสาทใหม่

4. มีความท้าทายใหม่ ๆ ให้ลองทำไม่จำเจ

เพื่อเป็นการฝึกฝนความคล่องตัวทางจิตใจ ความคล่องตัวทางจิตใจคือ "ความสามารถในการหยุดชั่วคราว ถอยหลัง ไตร่ตรอง เปลี่ยนมุมมอง สร้างทางเลือก และเลือกอย่างชาญฉลาด" โดยควรส่งเสริมให้พนักงานสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน ท้าทายพวกเขาด้วยงานใหม่ ๆ บ้าง เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและปรับปรุงประสิทธิภาพ

5. ลงทุนเรื่องกิจกรรมทางกาย

การออกกําลังกายช่วยเพิ่มพลังสมองให้สามารถเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ ความจํา หากเป็นไปได้องค์กรควรลงทุนเพื่อให้พนักงานสามารถออกกำลังกายได้เพิ่มขึ้น เช่น สร้างโรงยิมในสำนักงาน หรือมีสวัสดิการโปรแกรมฟิตเนสเพื่อสุขภาพของพนักงาน การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเผาผลาญไขมัน ทำให้สมองตื่นตัว แต่ยังช่วยเผาผลาญความเครียดและความวิตกกังวลออกไปจากจิตใจได้อีกด้วย

6. ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี

สมองของคนเรามีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดี องค์กรจึงควรส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน ให้พนักงานสามารถสนุกกับการทำงานร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ เพื่อลดความตึงเครียดจากความขัดแย้ง และควรมีกิจกรรมเสริมสร้างจิตวิญญาณแห่งการทำงานเป็นทีมอย่างสม่ำเสมอ