เรียนรู้วิธีพัฒนาสมองให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ และป้องกันโรคสมองเสื่อมในอนาคต
สมองเป็นอวัยวะที่น่าทึ่งและและทรงพลังที่สุดในร่างกาย แม้จะหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม แต่สมองควบคุมทุกสิ่งที่เราทำ ตั้งแต่ความคิด การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการรู้สึกและความจำ ดังนั้นสมองจึงใช้พลังงานในสัดส่วนที่สูงที่สุดของร่างกาย สมองมีน้ำหนักเพียง 2% ของร่างกาย แต่ใช้พลังงานถึงวันละ 500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน หรือคิดเป็น 25% ของพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายมนุษย์ใช้ใน 1 วัน
สำหรับคนวัยทำงานที่ต้องใช้สมองทำงานตลอดทั้งวัน การรู้วิธีการกระตุ้นสมองให้สดชื่นตื่นตัว รู้วิธีการทำให้สมองสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพจะช่วยให้การทำงานแต่ละวันนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความคิดสร้างสรรค์ ลดอาการง่วงซึม ความคิดตีบตันสมองเฉื่อยชาคิดอะไรไม่ออกลงได้ รวมถึงการดูแลสุขภาพสมองในระยะยาวเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อมก็จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตได้
เลือดเป็นกลไกในการนำพาแหล่งพลังงานไปหล่อเลี้ยงสมองอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอสำหรับสมองให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หัวใจจึงต้องสูบฉีดเลือดโดยประมาณ 700 ซีซีต่อหนึ่งนาทีไปหล่อเลี้ยงสมอง ดังนั้นเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น การมีกิจกรรมทางกายตลอดทั้งวัน ลุกขึ้นเดิน ยืดเหยียดร่างกาย ไม่นั่งเนือยนิ่งติดต่อกันนาน ๆ จะช่วยให้สมองตื่นตัวได้ดีที่สุด การออกกำลังกายช่วยเพิ่มพลังสมองโดยไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และยังทำให้ร่างกายปล่อยสารเคมีที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองอีกด้วย
สมองเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต โดยเปลี่ยนแปลงได้จากการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้เซลล์สมองเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของเซลล์ได้ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและเซลล์สมองนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงว่า การเรียนรู้ภาษาใหม่ การเรียนดนตรีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสมอง การฟังหรือเล่นดนตรีสามารถกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความจำ และการประมวลผล ดังนั้นการดูแลสมองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
มีการศึกษาพบว่า ภาวะอ้วนลงพุงส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำแย่ลง นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้ยาเสพติด โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง ส่งผลต่อสุขภาพสมอง และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง
การทำเรื่องนี้องค์กรได้ผลประโยชน์ไปแบบเต็ม ๆ อย่างแน่นอน การลุกขึ้นมาทำงานด้านสร้างเสริมสุขภาพสมองให้กับพนักงานมีประโยชน์ทั้งต่อพนักงานและองค์กร หากพนักงานสามารถใช้ความคิดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดหาวิธีการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและองค์กร ก็จะช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนงานไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น
ประเด็นสุขภาวะ → ลดการบริโภคยาสูบลดการบริโภคแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติดเพิ่มสัดส่วนการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสมดุลเพิ่มกิจกรรมทางกาย
ประเด็น Happy 8 → Happy BodyHappy Brain