ในยุคที่ “การลาออก” กลายเป็นเรื่องปกติ และคนเก่งมีทางเลือกมากมายในตลาดแรงงาน การรักษาคนดี คนเก่ง ให้อยู่กับองค์กรได้นานขึ้นจึงเป็นภารกิจใหญ่ของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR) ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็ก กลาง หรือใหญ่ เพราะต้นทุนที่ต้องสูญเสียไปกับการลาออกหนึ่งคน ไม่ได้มีแค่ค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของงาน บรรยากาศในทีม และแรงจูงใจของพนักงานที่ยังอยู่

องค์กรแบบไหนที่คนอยากทำงานด้วย

แล้วองค์กรแบบไหนที่ทำให้คนอยากอยู่ อยากโต และอยากตื่นมาทำงานทุกเช้า องค์กรที่คนอยากร่วมงานด้วยล้วนมีจุดร่วมบางประการ ได้แก่

• มีวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น
• ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของพนักงาน ทั้งด้านกายและใจ
• สนับสนุนการเติบโตและพัฒนาทักษะ
• มีความหมายในงาน และความรับผิดชอบต่อสังคม
• ใช้นวัตกรรมในการออกแบบประสบการณ์ของพนักงาน (Employee Experience)

พาไปส่องวัฒนธรรมองค์กรแห่งความสุขของบริษัทระดับโลก ที่สามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ได้อยู่หมัด พร้อมแนวคิดสร้างสรรค์ที่องค์กรไทยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ โดยมี 3 ตัวอย่างบริษัทระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรแห่งความสุขที่น่าเรียนรู้

Google สนุกได้ เติบโตดี

Google ติดอันดับบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดของนิตยสาร Fortune ติดต่อกันหลายปี ด้วยอัตราการลาออกเฉลี่ยเพียง 2.7% ซึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมมาก

เคล็ดลับความสำเร็จของ Google

• สวัสดิการโดนใจ พนักงานสามารถทานอาหารฟรีทุกมื้อ มีบริการตัดผม ทำฟัน นวด และแม้กระทั่ง "Nap Pods" สำหรับพักผ่อนกลางวัน
• พื้นที่ทำงานที่สร้างแรงบันดาลใจ ทุกพื้นที่ออกแบบให้เกิดการปะทะไอเดีย เช่น โซฟากลางสวน ห้องสมุดลับ และมุมเล่นเกม
• เปิดโอกาสให้เติบโต พนักงานสามารถใช้เวลา 20% ของเวลางานไปกับโปรเจกต์ที่ตนเองสนใจ ซึ่งเคยให้กำเนิดผลิตภัณฑ์ดังอย่าง Gmail และ Google Maps
• วัฒนธรรมการเปิดใจ ให้พนักงานพูดคุยกับผู้บริหารได้อย่างเท่าเทียม ส่งเสริมการวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ และการทดลองสิ่งใหม่

Netflix อิสระอย่างรับผิดชอบ

Netflix มีวัฒนธรรมองค์กรที่ขึ้นชื่อว่า “สุดโต่ง” แต่สร้างความสุขและประสิทธิภาพสูงให้กับคนทำงาน จนกลายเป็นต้นแบบของ “Freedom & Responsibility Culture” ที่หลายองค์กรนำไปศึกษา

วัฒนธรรมของ Netflix

• ให้เสรีภาพเต็มที่ ไม่มีนโยบายลาหยุดตายตัว พนักงานสามารถลาหยุดได้ตามต้องการ ตราบเท่าที่ไม่กระทบงาน
• ไม่มี Micromanagement หัวหน้าจะไม่ตามงานจุกจิก แต่เน้นการไว้วางใจและผลลัพธ์
• ผลตอบแทนแข่งขันได้สูง Netflix ยินดีจ่ายในเรตสูงที่สุดที่ตลาดให้ได้ เพื่อให้ได้คนเก่งที่สุด และพร้อมปล่อยคนที่ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรทันที
• การให้ Feedback ตรงไปตรงมา วัฒนธรรมการสื่อสารแบบ “ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์” ทำให้พนักงานเติบโตอย่างรวดเร็ว

LINE ประเทศไทย Happy Digital Workplace

LINE ประเทศไทย สร้างชื่อในฐานะองค์กรดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับ “Wellbeing” ของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในองค์กรไทยที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย

ไฮไลต์การทำงานแบบ LINE

• พื้นที่ทำงานแบบ Happy Space จัดพื้นที่ให้เหมาะกับทั้งการทำงานแบบโฟกัสและแบบชิล มีมุมพักใจ โซนเงียบ ห้องนวด และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
• Wellbeing Program เช่น กิจกรรมคลายเครียดกลางวัน เวิร์กช็อปสุขภาพจิต ตรวจสุขภาพฟรี หรือบริการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา
• สนับสนุนการเรียนรู้ มี LINE Academy สำหรับพัฒนาทักษะใหม่ๆ และสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ
• เน้นความยืดหยุ่น ให้พนักงานเลือกเวลาทำงานที่เหมาะกับตนเอง และมีระบบ Hybrid Work ที่สมดุลระหว่างชีวิตและงาน

HR ไทย เรียนรู้อะไรได้จากบริษัทระดับโลก

1. ความสุขเริ่มที่ “ความเข้าใจ” การฟังเสียงพนักงานอย่างจริงจังเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบวัฒนธรรมที่ใช่
2. ให้คุณค่าไม่ใช่แค่ผลตอบแทน คนรุ่นใหม่ต้องการมากกว่าเงินเดือน คือโอกาสเติบโต การยอมรับ และการมีชีวิตที่ดี
3. กล้าวางระบบที่ยืดหยุ่น องค์กรที่ให้อิสระอย่างมีเป้าหมาย จะได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
4. ทำให้ทุกวันเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ใช่แค่ Safe Space ทางกายภาพ แต่รวมถึง Safe Emotion และ Safe to Speak Up
5. ไม่ต้องเลียนแบบ แต่ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะกับบริบทของเรา

องค์กรที่ทำให้คนอยากตื่นมาทำงานทุกวัน ไม่ใช่แค่องค์กรที่ “จ่ายดี” แต่เป็นองค์กรที่ “เข้าใจหัวใจของคนทำงาน” Google สอนให้เราสร้างบรรยากาศที่คนอยากอยู่ Netflix สอนให้เราเชื่อใจและเปิดพื้นที่ให้คนเติบโต และ LINE สอนให้เรารักษาสุขภาพกายและใจของพนักงาน ถ้าอยากเป็นองค์กรแห่งความสุขในแบบของเราเองควรเริ่มจาก “ฟังให้มาก เข้าใจให้ลึก ลงมือให้จริง” แล้วความสุขจะกลายเป็น “วัฒนธรรม” ที่ใครก็อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง