ต้นแบบองค์กรสุขภาวะด้านอาหารสุขภาวะ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) กินดีมีสุข เมนูสุขภาพสร้างองค์กรแกร่ง
นำหลักสุขภาวะเชิงป้องกัน มาจัดการด้านอาหารโดยอิงจากผลตรวจสุขภาพพนักงานที่พบความเสี่ยงโรค NCDs ปรับเมนูโรงอาหารให้ลดหวาน มัน เค็ม และเพิ่มผักผลไม้ จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโภชนาการ และมีแพทย์ให้คำปรึกษารายบุคคลเพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคให้เหมาะสมกับสุขภาพ

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) โดยได้นำหลักสุขภาวะเชิงป้องกันมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของพนักงาน สถานการณ์ที่พบคือ ผลการตรวจสุขภาพประจำปีบ่งชี้ว่าพนักงานมีความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นผลพวงจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน จึงได้ริเริ่มกระบวนการด้านอาหารสุขภาวะ โดยเน้นการจัดการอาหารและโภชนาการภายในองค์กร โดยเฉพาะการปรับปรุงโรงอาหารให้กลายเป็นพื้นที่สุขภาวะ (Healthy Canteen) ที่ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เป้าหมายหลักคือการปรับพฤติกรรมการบริโภคผ่านกิจกรรมสุขภาวะด้านอาหารและโภชนาการ ผลที่เกิดขึ้นคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินในกลุ่มพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ และมีการติดตามผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดลง
กระบวนการดำเนินงานองค์กรสุขภาวะด้านอาหารสุขภาวะ
1. การกำหนดนโยบายสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ บูรณาการเรื่องสุขภาวะ รวมถึงด้านอาหารเข้ากับวิสัยทัศน์และนโยบายองค์กรตามแนวทาง ESG โดยเน้นการลดโรค NCDs ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภค เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งข้อมูลจากการตรวจสุขภาพประจำปีได้ถูกนำมาวางแผนกิจกรรมด้านอาหาร เช่น อาหารสุขภาพในโรงอาหาร และสื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ
2. คณะทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร มีการจัดตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยตัวแทนจากหลายฝ่ายในองค์กร เพื่อร่วมกันวางแผนและเสนอแนวทาง เช่น เมนูอาหารที่เหมาะสมตามกลุ่มโรคของพนักงาน การจัดกิจกรรม “Healthy Food Week” หรือเวิร์กช็อปทำอาหารคลีน โดยพนักงานสามารถเสนอแนวทางอาหารที่อยากได้ผ่านระบบ Bottom-up
3. งบประมาณสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านอาหารโดยตรง เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อสาธิตการทำอาหารสุขภาพ การปรับปรุงโรงอาหารให้มีเมนูทางเลือก เช่น อาหารลดโซเดียม มีฉลากแสดงพลังงาน และมีการแจกของรางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมการกินดี
4. กำหนดเป้าหมายของการประเมินผลที่ชัดเจน
- กำหนดเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาวะของพนักงานอย่างรอบด้าน หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาเรื่องโภชนาการในองค์กร โดยเน้นการประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ความพึงพอใจต่ออาหารในโรงอาหาร และผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น น้ำหนัก รอบเอว หรือระดับน้ำตาล เพื่อปรับปรุงการให้บริการอาหารอย่างเหมาะสม
- มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน วัดผลได้ ตัวชี้วัดด้านอาหารที่ใช้ เช่น ระดับความพึงพอใจต่อคุณภาพอาหาร ความหลากหลายของเมนู จำนวนพนักงานที่เลือกเมนูสุขภาพ รวมถึงตัวชี้วัดเชิงสุขภาพจากการตรวจร่างกาย เช่น BMI รอบเอว และระดับน้ำตาลในเลือด การมีตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้สามารถประเมินผลของการจัดการด้านอาหารได้อย่างเป็นรูปธรรม
5. แผนการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร
- มีการกำหนดแผนงานชัดเจน โดยอิงจากผลตรวจสุขภาพที่แสดงว่าพนักงานมีแนวโน้มโรคเรื้อรังสูง เช่น ความดันและไขมัน แผนจึงเน้นลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ผ่านกิจกรรมประชาสัมพันธ์ โปสเตอร์ และคลิปวิดีโอ รวมถึงความร่วมมือกับโรงอาหารให้เลือกใช้วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
- มีแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมตามเป้าหมาย วางแผนดำเนินงานโดยเก็บข้อมูลจากทั้งแบบสอบถาม ความคิดเห็นต่อเมนูอาหาร การตรวจสุขภาพประจำปี และข้อมูลภาคสนาม เช่น การสังเกตพฤติกรรมการกินของพนักงานในโรงอาหาร พร้อมใช้ระบบประเมินหลังจบกิจกรรมโภชนาการ เช่น งานรณรงค์งดหวานจัด หรือกิจกรรมเลือกเมนูสุขภาพ เพื่อปรับเมนูให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
6. มีกระบวนการ ผลลัพธ์ และแนวทางการดำเนินงานที่ดี
- การดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงการ “กินดีสุขภาพดี” ที่ดำเนินมาแล้วหลายปี พร้อมมีการประเมินผล เช่น การติดตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI) การลดระดับน้ำตาลในเลือดของพนักงาน และการปรับพฤติกรรมการกินในระดับที่เห็นได้ชัดเจนในกลุ่มพนักงานที่ร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ
- กระบวนการทั้งหมดเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ วางแผน ดำเนินกิจกรรม ติดตามผล โดยมีการใช้ข้อมูลจากเวชระเบียน ตรวจสุขภาพ และแบบสำรวจประกอบการปรับแผน กิจกรรมที่ได้ผลดี เช่น การให้ความรู้ในช่วงพักกลางวัน และการจัดโซน “เมนูเพื่อสุขภาพ” ที่โรงอาหาร ได้รับความสนใจสูงและช่วยปรับพฤติกรรมการเลือกกินของพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม
- มีกระบวนการติดตาม มีเครื่องมือ หรือระบบสนับสนุนการประเมินผล มีระบบการติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพจากอาหาร เช่น เปรียบเทียบผลตรวจสุขภาพก่อน–หลังเข้าร่วมโครงการกินดีอยู่ดี หรือวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกอาหารผ่านแบบสอบถามรายไตรมาส นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลย้อนกลับให้ผู้บริหารเพื่อใช้ในการปรับปรุงคุณภาพอาหารและงบประมาณด้านสวัสดิการ
7. วิเคราะห์ผลการประเมิน และนำไปใช้ต่อยอดเพื่อการพัฒนา จากผลการประเมินพบว่าพนักงานบางกลุ่มยังเลือกเมนูที่ไม่เหมาะกับสุขภาพ เช่น ของทอดหรือหวานจัด จึงนำข้อมูลไปออกแบบกิจกรรมส่งเสริม เช่น “สัปดาห์อาหารปลอดภัย” หรือ “Healthy Menu Day” พร้อมปรับสูตรอาหารให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น และจัดอบรมให้ผู้ประกอบอาหารในโรงอาหารอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมด้านอาหารสุขภาวะ
- การปรับปรุงโรงอาหาร (Healthy Canteen) พลิกโฉมโรงอาหารให้เป็นศูนย์กลางของการส่งเสริมสุขภาพ โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านอาหารเพื่อปรับเปลี่ยนเมนูให้เป็น "เมนูเพื่อสุขภาพ" หรือ "อาหารคลีน" โดยลดการปรุงแต่งด้วยรสหวาน มัน เค็ม และเพิ่มสัดส่วนของผักใบเขียวและผลไม้ในเมนูอาหารประจำวัน มีการจัดโซน "อาหารเพื่อสุขภาพ" ที่ชัดเจนและน่าสนใจเพื่อจูงใจให้พนักงานเลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น และมีการจัดกิจกรรมพิเศษอย่าง "Healthy Food Week" เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเมนูเพื่อสุขภาพที่หลากหลาย
- กิจกรรมให้ความรู้โภชนาการ มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโภชนาการอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น การบรรยายในช่วงพักกลางวัน และการจัดเวิร์กช็อปทำอาหารคลีนเพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงในการเตรียมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมาให้คำปรึกษาส่วนตัวแก่พนักงานแต่ละราย เพื่อช่วยออกแบบแผนการบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พนักงานสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นๆ
- กิจกรรมเสริมทักษะ จัดกิจกรรมสอนอาชีพ เช่น การทำน้ำยาล้างจาน ปลูกถั่วงอก และเลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อสร้างทักษะและส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง
- กิจกรรมด้านสุขภาพและการเงิน มีโครงการ Happy Money เพื่อให้ความรู้ด้านการจัดการหนี้สิน การออม และการวางแผนการเงิน
ผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- ผลลัพธ์ด้านอาหารสุขภาวะ เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินในกลุ่มพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ จากการปรับเมนูอาหารในโรงอาหาร พนักงานจำนวนมากหันมาเลือกรับประทานเมนูเพื่อสุขภาพ และลดการบริโภคอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด และมันจัดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังสามารถวัดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้จากการติดตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และระดับน้ำตาลในเลือดของพนักงาน ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มลดลงในกลุ่มพนักงานที่เข้าร่วมโครงการอย่างจริงจัง
- มิติสุขภาพกาย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของพนักงานส่งผลโดยตรงต่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพนักงานที่มีความเสี่ยงต่อโรค NCDs พบว่ามีสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและเหมาะสมกับร่างกายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการดูแลแบบองค์รวมโดยเชิญแพทย์มาให้คำปรึกษาเฉพาะรายกับพนักงานที่มีปัญหาสุขภาพ
- มิติความผูกพันกับองค์กร การดูแลสุขภาวะช่วยลดปัญหาอัตราการลาออก (Employee Turnover) โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความคาดหวังต่อคุณภาพชีวิตการทำงานสูง
- มิติสังคมและสิ่งแวดล้อม องค์กรได้ขยายผลกิจกรรมสุขภาวะสู่ชุมชนรอบข้าง เช่น การเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและการสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความรู้สึกภาคภูมิใจในการทำงานของพนักงาน
ปัจจัยความสำเร็จ
- การสนับสนุนที่ชัดเจนจากผู้บริหารและนโยบายที่บูรณาการ การมีผู้นำที่เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาวะพนักงาน และมีการบูรณาการนโยบายด้านสุขภาวะเข้ากับหลักการดำเนินธุรกิจอย่าง ESG (Environmental, Social, and Governance) ทำให้โครงการสุขภาวะไม่ใช่เพียงกิจกรรมชั่วคราว แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์องค์กร สิ่งนี้ทำให้เกิดการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอและมีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน
- การใช้ข้อมูลเป็นฐานในการออกแบบกิจกรรม ไม่ได้ออกแบบกิจกรรมตามความคาดเดา แต่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากผลการตรวจสุขภาพประจำปี แบบสำรวจ Happy Meter และข้อมูลจากคณะกรรมการลูกจ้าง เพื่อระบุปัญหาที่แท้จริงของพนักงาน เช่น สถิติพนักงานที่มีความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทำให้สามารถออกแบบกิจกรรมที่ตรงจุดและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การมีส่วนร่วมจากทุกระดับ การจัดตั้งคณะทำงานสุขภาวะที่ประกอบด้วยตัวแทนจากทั้งผู้บริหาร คณะกรรมการลูกจ้าง และพนักงาน แสดงให้เห็นถึงการสร้างการมีส่วนร่วมและความเป็นเจ้าของร่วมกัน (Co-creation) ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันและแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรม นอกจากนี้การใช้แนวทางแบบผสมผสาน (Hybrid Approach) ทั้งกิจกรรมที่วางแผนจากผู้บริหาร (Top-down) และกิจกรรมที่มาจากข้อเสนอของพนักงาน (Bottom-up) ยังช่วยให้กิจกรรมมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง
- การสร้างความยั่งยืนผ่านการสร้างคนและระบบ มุ่งมั่นสร้างทีมงานภายในที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และพัฒนาระบบการติดตามผลที่ชัดเจน ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญภายนอกทั้งหมด นอกจากนี้การขยายผลสู่กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ยังช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้กับพนักงาน และส่งเสริมการเรียนรู้นอกเหนือจากหน้าที่ในองค์กร ทำให้การดูแลสุขภาวะเป็นมากกว่าแค่สวัสดิการ แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
การเป็นองค์กรสุขภาวะไม่ใช่เพียงแค่การจัดกิจกรรม แต่คือการบูรณาการหลักการดูแลสุขภาพเข้ากับดีเอ็นเอขององค์กรอย่างแท้จริง การเริ่มต้นจากความเข้าใจในปัญหาสุขภาพของพนักงาน การใช้ข้อมูลเป็นฐานในการวางแผน และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทำให้สามารถเป็นต้นแบบองค์กรสุขภาวะด้านอาหารได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพของพนักงาน แต่ยังสร้างความผูกพันและความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว



ผู้เขียน :
ประเด็นสุขภาวะ → เพิ่มสัดส่วนการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสมดุล
ประเด็น Happy 8 → Happy BodyHappy HeartHappy BrainHappy FamilyHappy MoneyHappy Society