องค์กรปลอดพนันไม่ใช่สัญลักษณ์ของความดีงาม แต่เป็น “แนวปฏิบัติ” ที่จะช่วยรักษาคุณภาพชีวิตของพนักงาน รักษาประสิทธิภาพขององค์กร และสร้างสังคมที่แข็งแรงจากฐานรากของคนทำงาน
ในยุคดิจิทัลที่การเชื่อมต่อไร้ขอบเขต การพนันในสังคมไทยได้แปรสภาพจากบ่อนเถื่อนในตรอกซอกซอย กลายมาเป็น “ธุรกิจสีเทา” ขนาดใหญ่ที่แทรกซึมอยู่ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในรูปแบบของ “พนันออนไลน์” ที่เข้าถึงง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ส่งผลให้เงินสะพัดในระบบธุรกิจนี้สูงถึงหลายแสนล้านบาทต่อปี หลายคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังพัวพันอยู่กับวงจรอันตราย ซึ่งบ่อนทำลายทั้งชีวิตส่วนตัว การงาน และสังคมในวงกว้าง
จากรายงานของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 พบว่า คนไทยกว่า 82.2% เคยมีประสบการณ์เล่นพนัน และในจำนวนนั้นมากกว่าครึ่งเป็นวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25–45 ปี นิยมเล่นพนันผ่านโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันไลน์เป็นหลัก ขณะที่การพนันที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ หวยใต้ดิน ไพ่พนัน สล็อต บาคาร่า และพนันฟุตบอลออนไลน์
แนวโน้มที่น่ากังวลคือ การเล่นพนันของคนวัยทำงานไม่ได้เกิดจาก “ความสนุก” เพียงอย่างเดียว แต่เป็นความหวังในการหาเงินด่วน หรือเป็นช่องทางหนีความเครียดจากงานและภาระชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่าพนันยิ่งดูดกลืนความสามารถในการจัดการชีวิต ส่งผลให้คุณภาพชีวิตถดถอยโดยไม่รู้ตัว
การพนันไม่ใช่แค่ “เสียเงิน” แต่ยังบั่นทอนสุขภาวะทางกายและใจของคนวัยทำงานอย่างลึกซึ้ง เช่น
การพนันไม่เพียงบั่นทอนรายได้ส่วนบุคคล แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับชาติ ผ่านพฤติกรรมเหล่านี้
สำหรับหลายครอบครัว การพนันคือชนวนของความร้าวฉาน เช่น
สถานประกอบการสามารถมีบทบาทสำคัญในการหยุดยั้งวงจรการพนัน โดยการพัฒนาสู่ “องค์กรปลอดพนัน” ด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม เช่น
ในยุคที่เทคโนโลยีอำนวยให้การพนันเข้าถึงได้ตลอดเวลา การสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ที่ยั่งยืน คือการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่ไม่ยอมให้การพนันเป็นเรื่องปกติ ด้วยความเข้าใจ ความร่วมมือ และการจัดการอย่างเป็นระบบ
ประเด็นสุขภาวะ → ลดการบริโภคแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติดเพิ่มสัดส่วนผู้มีสุขภาพจิตสมบูรณ์ปัญหาสุขภาพอุบัติใหม่และปัจจัยเสี่ยงอื่น
ประเด็น Happy 8 → Happy BrainHappy FamilyHappy MoneyHappy Society